กล่าวถึงวัวธนูทั่วไปจะเข้าใจกันว่าใช้กันผีปีศาจกันเสนียดจัญไร..ซึ่งมิผิดอันใดแต่จะขอเล่ากล่าวกันสักเล็กน้อยว่าวัวธนูนั้นมีหลายวิชาการสร้างง่ายก็มียากก็มี..ยามภัยมาถึงตัวขณะวิ่งหนีมือคว้ายอดไม้ใบหญ้าถักผูกสร้างเป็นวัวธนูขว้างออกไปก็ใช้งานได้..แบบนั้นเรียกแบบง่ายใช้เฉพาะหน้า..แบบยากขึ้นมาก็ต้องเตรียมวัตถุอาถรรพ์..วัตถุมงคลหลายอย่างหามารวบรวมเก็บไว้..รอดูฤกษ์งามยามดีจึงกำหนดวันสร้าง..ซึ่งก็มีให้เห็นกันอยู่หลายสำนักที่มีอิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์ดังเช่น วัวธนูเนื้อทองแดงหลวงปู่คำแสน วัดป่าดอนมูล..วัวธนูหลวงพ่อเณร วิเศษสิงห์คำ วัดป่าสัก..วัวธนูเนื้อครั่ง หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง..แต่ในที่นี้เราจะกล่าวถึงวัวธนูชั้นสูงสุด..อันเป็นที่สุดของการสร้างวัวธนู..ที่จะหาผู้ใดมาสร้างอีกมิได้แล้ว..ทั้งวัตถุอาถรรพ์ ฤกษ์งามยามดี ผู้สร้างที่ร่ำเรียนวิชาอันแก่กล้าสำเร็จวิชาขั้นสูงจนสามารถติดต่อสื่อสารถึงองค์พระศิวะเบื้องบนได้..และยังขอให้ประทานยานพาหนะส่วนพระองค์คือองค์พระโคศุภราช..ราชาแห่งโคทั้งปวง..ลงมาประทับอยู่ในวัวธนูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง..ซึ่งกายเดิมของพระโคศุภราชนั้นคือเทวดาหนุ่มรูปงาม..ที่อุทิศตนมารับใช้เป็นวัวให้พระศิวะใช้เดินทางครับ..วัตถุหลักในการสร้างคือส่วนปลายยอดของเขาวัวกระทิงป่า * * ที่ต้องถูกฟ้าผ่าตายเท่านั้น * * และวัวกระทิงป่าจะไม่เคยมีผู้ใดได้เคยขี่คร่อมหลังครับ..จึงถือได้ว่าเป็นของมงคลชั้นสูง..เมื่อรังสรรค์สร้างจนเสร็จสรรพ..จึงได้เครื่องรางสุดยอดมหามงคลยิ่งคุณประโยชน์นานัปการ..กันผีกันเสนียดจัญไร คุ้มครองป้องกันภัยจากโจรผู้ร้าย กันไฟไหม้ กันฟ้าผ่า ส่งเสริมให้เกิดความอุดมสมบูรณ์พูนสุขโภคทรัพย์มากล้น ลาภผล พูนทวี